การสร้าง carbenes ของ คาร์บีน

  • วิธีการที่ใช้ได้อย่างกว้างฃขวางสำหรับการสังเคราะห์สารอินทรีย์นั้นทำได้โดยการเหนี่ยวนำการกำจัดเฮไลด์จาก gem-dihalide ที่มีตัวทำปฏิกิริยาออร์แกโนลิเทียม (organolithium reagent) ยังคงเป็นที่ไม่แน่นอนว่าจะมีการสร้าง carbene อิสระหรือสารเชิงซ้อน carbene โลหะ ภายใต้สภาวะเหล่านี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม metallocarbenes เหล่านี้ (หรือ carbenoids) จะให้ผลิตภัณฑ์เป็นสารอินทรีย์ที่คาดหวัง
R2CBr2 + BuLi → R2CLi (Br) + BuBrR2CLi (Br) → R2C + LiBr

สำหรับปฏิกิริยา cyclopropanations จะใช้สังกะสี (zinc) ในปฏิกิริยา Simmons-Smith ในกรณีพิเศษแต่อยู่ภายใต้คำแนะนำ สารประกอบ alpha-halomercury สามารถถูกแยกออกและ thermolyzed ต่างหากได้ ตัวอย่างเช่น "Seyferth reagent" C6H5HgCCl3 จะคาย CCl2 เมื่อได้รับความร้อน พร้อมกับสร้าง C6H5HgCl ออกมา

  • ในกรณีทั่วไปอย่างที่สุด carbenes จะถูกสร้างขึ้นจาก diazoalkane ผ่านปฏิกิริยา photolytic ความร้อน หรือเส้นทางที่เร่งปฏิกิริยาด้วยโลหะทรานซิชัน ตัวเร่งปฏิกิริยาโดยทั่วไปได้แก่โรเดียมและทองแดง ปฏิกิริยา Bamford-Stevens ให้ carbenes ในตัวทำละลายชนิดอะโพรติก (Aprotic solvent) และให้ carbenium ionในตัวทำละลายโพรติก (Protic solvent)
  • การกำจัด HX จาก haloforms (CHX3) โดยการเหนี่ยวนำด้วยเบส ภายใต้เงื่อนไขการถ่ายโอนเฟส
  • โฟโตไลซิส (Photolysis) จาก diazirines และ epoxides ก็สามารถทำมาใช้ได้ Diazirines คือรูปวงแหวนของ diazoalkanes ความเครียดของแหวนขนาดเล็ก ทำให้เกิดการกระตุ้นด้วยแสง (photoexcitation) ได้ง่าย ปฏิกิริยาโฟโตไลซิส ของ epoxides จะให้สารประกอบคาร์บอนิลเป็นผลข้างเคียง กรณีที่ใช้ epoxides แบบอสมมาตร อาจเกิดสารประกอบคาร์บอนิลสอบแบบที่แตกต่างกันได้ โดยธรรมชาติของหมู่แทนที่นั้นมักจะทำให้เกิดผลแบบหนึ่งมากกว่าอีกแบหนึ่ง หนึ่งในพันธะ C-O จะมีลักษณะพันธะคู่มากกว่า ดังนั้นจึงจะมีความเข็งแรงมากว่าและมีโอกาสถูกทำลายได้ยากกว่า โครงสร้างเรโซแนนสามารถถูกนำมาใช้พิจารณาว่าส่วนใดที่จะมีผลมากกว่าในการก่อตัวของหมู่คาร์บอนิล ขณะที่หมู่ทดแทนหมู่หนึ่งได้แก่ Alkyl และอีกหมู่คือ Aryl คาร์บอนที่ถูกแทนที่โดย Aryl มักจะถูกปล่อยออกมาเป็นชิ้นส่วน carbene
  • Carbenes เป็นสารขั้นกลางในปฏิกิริยาการจัดเรียงตัวใหม่ของ Wolff